4 WD FULL - TIME |
|
ระบบขับเคลื่อนแบบนี้มีใช้ในรถยนต์นั่งทั่วไป ระบบส่งกำลังไปยังล้อหน้าและล้อหลังตามอัตราส่วน ซึ่งจะสัมพันธ์กับแรงเสียดทานระหว่างล้อกับพื้นถนน ดังนั้นระบบนี้จึงเป็นระบบที่ให้ความปลอดภัยสูงสุด และสามารถใช้งานได้ตลอดเวลา การใช้งานจะใช้ในสภาพถนนที่มีสภาพปกติเป็นคลื่น ทางคดโค้ง และการใช้ความเร็วสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ การควบคุมพวกมาลัย และการเบรก |
|
|
4 WD PART - TIME (HI) |
|
ระบบนี้เฟืองตัวกลางจะล็อค ทำให้ระบบส่งกำลังไปที่เพลาขับหน้า 50% และเพลาขับหลังอีก 50% เท่าๆ กันตลอดการใช้งาน จะใช้เมื่อพบกับสภาพที่เป็นลูกรัง หลุม บ่อ ในระบบนี้สามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติ แต่จะต้องมีความระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากในระบบนี้การส่งกำลังไปที่ล้อหน้าและล้อหลังจะถูกกำหนดไว้ในอัตราส่วน 50 : 50 คงที่ จึงทำให้รัศมีวงเลี้ยวกว้างกว่าปกติ |
|
|
4 WD PART - TIME (LOW) |
|
ระบบนี้ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พลังและแรงบิดได้สูงสุด เพราะจะมีเฟืองมาทดช่วยเพิ่มอัตราทดให้สูงขึ้น ทำให้มแรงบิดที่ล้อเพิ่มมากขึ้น โดยจะส่งกำลังไปที่ล้อหน้า 5 0% และล้อหลัง 50% การใช้งานบนเส้นทางที่ทุรกันดาร หลุมลึก โคลน หรือเมื่อต้องการขึ้นที่ลาดชันมาก ไม่ควรใช้ความเร็วเกินกว่า 56 กม. / ชม. |
|
|
ระบบความปลอดภัย |
|
.jpg)
ระบบความปลอดภัย ถือเป็นหัวใจของการขับขี่รถออฟโรด ดังนั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถของท่านออกไป สิ่งแรกที่ควรจะกระทำคือ การปรับเบาะและพนักงานพิงให้อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะกับสรีระของแต่ละท่าน ไม่ชิดกับพวกมาลัยจนเกินไป หรือห่างจนไม่สามารถจะมองเห็นทัศสนวิสัยรอบด้านได้ชัดเจน กรจกมองหลังและกระจกมองข้างต้องปรับให้ได้ระกับพอดีให้เรียบร้อย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคาดเข็มขัดนิรภัยซึ่งควรจะคาดให้ชินจนกลายเป็นนิสัย มิใช่เฉพาะแต่การขับรถในเส้นทางออฟโรดเท่านั้น แต่ควรจะคาดตลอดเวลาที่เดินทาง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางได้พึงจำไว้เสมอว่าในขับขี่รถในทางออฟโรดนั้น จะต้อง " ตาดู หูฟัง สังเกต " |