HOME   |   COMMANDER   |   ORGANIZATION   |   SERVICE   |   ACTIVITIES  |  CONTACT US
Member Login
Username:

Password:


สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน
PUBLICATION

EDUCATION

QUESTION & REPLY
DOWNLOAD
RELATED LINKS
 
  

   EDUCATION

เวชศาสตร์ทหาร (Military Medicine)

เวชศาสตร์ทหารเป็นวิชาอาชีวอนามัย (Occupational Medicine) แขนงหนึ่งซึ่งจะต้องคำนึงถึงการรักษาพยาบาล  การป้องกันและควบคุมโรคหรือการบาดเจ็บจากการปรักอบอาชีพทางการทหารและสิ่งแวดล้อม  ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์ต่างๆ ในภาคสนามและการปฏิบัติการรบ เวชศาสตร์ทหารเป็นวิชาทางการแพทย์สาขาหนึ่งที่ยังไม่มีการฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางในโรงเรียนแพทย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ   แพทย์ที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพทั้งในที่ตั้งปกติและในสนามจะต้องมีความรู้ทั้งทางด้านการแพทย์เพื่อให้บริการแก่ทหารและครอบครัว เกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพและการป้องกันควบคุมโรค  การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสถาพเช่นเดียวกับแพทย์ที่จะปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลพลเรือน
 นอกจากความรู้ดังกล่าวข้างตนแล้วจะต้องมีความรู้ถึงภาวะคุกคามต่างๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการรบ  เช่น การรบในพื้นที่ที่มีการระบาดของมาลาเรีย เป็นต้น  ดังนั้นการป้องกันควบคุมโรคจึงมีความจำเป็นต่อสุขภาพของกำลังพล  การส่งกลับรวมทั้งการรักษาพยาบาลการบาดเจ็บที่เป็นผลมาจากการปฎิบัติการทางทหาร  แพทย์จะต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดทีมีต่อสุขภาพกำลังพลโดยรวมมากกว่าปัญหาส่วนบุคคล
        ปัญหาจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษกับกำลังพลในกองทัพยังไม่เป็นที่คุ้นเคยเหมือนกับปัญหาหรือโรคที่เกิดจากการประกอบอาชีพของพลเรือน  ตัวอย่างเช่น กำลังพลปฎิบัติหน้าที่ในยานหุ้มเกราะซึ่งมีพื้นที่จำกัด  การระบายอากาศไม่ดีและอาจได้รับก๊าฐคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่เกิดจากท่อไอเสียของรถหรือในกรณีที่มีการปะทะก็อาจจะได้รับก๊าซพิษที่เป็นผลมาจากการยิงหรือจากระเบิด  ในการปฎิบัติงานในสภาพของความดันบรรยากาศต่ำเช่น  ในเครื่องบินปฎิบัติการบนภูเขาสภาพความดันบรรยากาศสูง เช่น ปฎิบัติการใต้น้ำ  หรือ ในสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะพบได้สูงกว่าในพลเรือน
        ในพลเรือนการทำงานภายใต้สิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่น ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่มีระบบการป้องกันเสียงดังจะทำให้สูญเสียการได้ยิน  ในขณะที่ทหารที่ปฎิบัติการในพื้นที่การรบที่มีการใช้ระเบิดและอาจุธปืนก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สูญเสียการได้ยินเช่นกัน  การพัฒนาอาวุธในปัจจุบันทำให้มีอาจุธที่มีศักยภาพในการทำลายล้างสูง  การนำเอาสารเคมี เชื้อโรค และพลังงานนิวเคลียร์มาใช้เป็นอาวุธ  เพื่อทำลายล้างคู่ต่อสู้ จะส่งผลกระทบโดยตรงกับกำลังพลในกองทัพ  ทำให้เกิดการบาดเจ็บและการตายเป็นจำนวนมาก  ผู้เชี่ยวชาญในด้านเวชศาสตร์ทหารจำเป็นต้องมีความรู้ในการดูแลผู้บาดเจ็บจากอาวุธดังกล่าว
        แพทย์ทหารต้องมีทักษะและความรู้ทั้งในด้านเวชกรรมป้องกัน
          
       
 
องค์ประกอบของวิชาเวชศาสตร์ทหาร  
ทางทหารวิชาเวชปฏิบัติการยุทธ
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยในสนามซึ่งเป็นภารกิจปละการปฏิบัติหน้าที่ของนายสิบพยาบาลกองร้อยที่ต้องสามารถดำเนินการคัดแยก  ปฐมพยาบาลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเจ็บในสนามได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ฝึกลักษณะการเป็นผู้นำในการนำหน่วยขนาดเล็กและสามารถปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธีภายใต้ สถานการณ์รบด้วยอาวุธนิวเครีย์ ชีวะ เคมี
วิชาเวชกรรมป้องกันทหาร
เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการสุขาภิบาลสนาม  ในค่ายพักชั่วคราว  การให้สุขศึกษาเกี่ยวกับการทำน้ำให้สะอาด โรงเลี้ยงและส่วมที่ถูกสุขลักษณะ  การกำจัดขยะและการควบคุมแมลงพาหะโรคทั้งในที่ตั้งปกติและในสนามรวมทั้งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการฝึกการวางแผนด้านเวชกรรมป้องกันภายในหน่วยทหาร
วิชาสรีรประยุกต์
เป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาทั้งภายในและภายนอกร่างกายของทหารในสภาวะแวดล้อมต่างๆ  ขณะปฏิบัติหน้าที่ภาคพื้นดิน  การปฏิบัติการใต้น้ำ  การปฏิบัติการทางอากาศ  ภายใตภาวะสงครามนิวเครีย์  ชีวะ  เคมี  โดยผสมผสานความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน  (basic science) ความรู้ทางคลินิก(military environment) สามารถให้การวินิจฉัยการดูและและการบำบัดรักษา  รวมทั้งการ ป้องกันโรคและการวินิจฉัยการดูและและการบำบัดรักษา  รวมทั้งการป้องกันโรคและการพื้นฟูสมรรถภาพของทหาร
วิชาการปฐมพยาบาลในยุทธวิธี
เป็นการผสมผสานทั้งวิชาแพทย์และวิชาทหารเข้าด้วยกัน  โดยเนื้อหาวิชาจะเน้นในเรื่องมาตรฐานการช่วยชีวิตผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ  (trauma life support)  และผู้ป่วยเจ็บจำนวนมาก (mass casualty care) การช่วยชีวิตชั้นสูง (advance cardiac life support) การจัดตั้งหมวดเสนารักษ์  การให้บริการทางการแพทย์ระดับกองพล ระดับกองทัพ  ระดับเขตหลัง (เขตภายใน)  การบริการแพทย์ในยุทธวิธี  การวางแผนทางการแพทย์และข้อพิจารณาทั่วไปการบริการแพทย์อื่นๆ  ในการสนับสนุนการรบ  และการป้องกันประเทศในสถานการณ์ต่างๆ
 
การบริหารทางการแพทย์ในกองทัพบก
(Medical Service in Royal Thai Army)

การบริการทางการแพทย์ในกองทัพเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการสนับสนุนการช่วยรบ  โดยมีกรมแพทย์ทหารบกเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ  แพทย์ทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพจึงจำเป็นต้องรู้ถึงภารกิจของกรมแพทย์ทหารบก  ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ  คือ  ภารกิจโดยทั่วไป  และภารกิจในยุทธบุริเวณ  ภารกิจลักที่สำคัญของการแพทย์ทหารบกคือ  "อนุรักษ์ (สงวน) กำลังรบ" (to conserve the fighting strength)  โดยมีหน้าที่คัดเลือกผู้มีร่างกายและจิตใจสมบูรณ์เข้ารับ
ราชการทหารป้องกันควบคุมโรคส่งเสริมสุขภาพ  การส่งกลับ  การรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยอย่างถูกต้อง  รวดเร็วและปลอดภัย  การส่งกำลังซ่อมบำรุง  สิ่งอุปกรณ์แพทย์  การฝึกศึกษาของกำลังพลเหล่าแพทย์

การบริการทางการแพทย์โดยทั่วไป
ของเขตความรับผิดชอบปและหน้าที่ในการให้บริการทางแพทย์โดยทั่วไป  ประกอบไปด้วยหารให้คำแนะนำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชาและกรมฝ่ายอำนวยการเกี่ยวกับกิจการแพทย์ทหารบก พร้อมทั้งเสนอ นโยบาย  วางแผน อำนวยการ  ประสานงาน  กำกับ  และดำเนินการเกี่ยวกับกำลังพล  การข่าวยุทธการ  การฝึกศึกษา  การส่งกำลังบำรุงสายแพทย์ รวมทั้งโครงการและการประมาณ ฯลฯ
การบริการทางการแพทย์ในยุทธบริเวณ
ในยุทธบริเวณจึงจัดให้มีการบริการทางการแพทย์ไว้ 4 ระดับ  เพื่อความคล่องตัวในการบริการทางการแพทย์และความปลอดภัยของผู้รับและผู้ใช้บริการ ดังนี้คือ บริการทางการแพทย์ในระดับหน่วย  ระดับกองพล  ระดับกองทัพ  และในเขตหลัง  การบริการทางการแพทย์ในยุทธบริเวณประกอบด้วยงานด้านบริการสุขภาพให้แก่กำลังพล 5 ประการคือ
1. การเวชกรรมป้องกัน (preventive medicine)
การบริการเวชกรรมป้องกันแก่กำลังพลในยุทธบริเวณจะเน้นการป้องกันโรคหรือภาวะที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยที่พบบ่อยในบริเวณนั้นๆ  เช่น  การดูแลสุขขาภิบาล  สุขอนามัยส่วนบุคคล  การป้องกันโรคติดต่อ  การบริการน้ำในสนาม  การปฏิบัติงานเวชกรรม 
ป้องกันทำได้ในทุกระดับของการบริการทางแพทย์ในยุทธบริเวณ
 
2. การรักษาพยาบาล (hospitalization)
การดูแลระกษาผู้ป่วยเจ็บในยุทธบริเวณมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ 
     2.1. การดูแลรักษาโดยนายสิบพยาบาล ครั้งแรกแก่ทหารป่วยหรือบาดเจ็บจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกมาแล้วโดยให้การปัจจุบันพยาบาล เช่น การห้ามเลือด 
     2.2. การรักษาพยาบาลเร่งด่วน (emergency medical treatment)  ต้องใช้ความรู้ความชำนาญและการตัดสินใจทางการแพทย์ที่สูงขึ้น 
     2.3. การรักษาเพื่อช่วยชีวิตขั้นแรก  (initial resuscitstion) ในขั้นการรักษานี้ต้องใช้ความชำนาญของชุดแพทย์และทันตแพทย์ สามารถให้เลือดทางเส้นเลือดได้เป็นต้น 
     2.4. การรักษาเพื่อช่วยชีวิต (resuscitative treatment)  การให้การรักษาในขั้นนี้สภาพผู้ป่วยเจ็บต้องการวิธีการวินิจฉัยก่อนการผ่าตัด  การเตรียมการผ่าตัด  มีเจ้าหน้าที่ชุดผ่าตัดที่ทรงคุณวุฒิ เป็นต้น 
     2.5. การรักษาที่เฉพาะ (definitive treatment)  เป็นขั้นที่จะทำให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติโดยแพทย์ผู้ชำนาญสาขาในโรงพยาบาล 
     2.6. การดูแลรักษาในระยะพักพื้น (convales cent care)  เป็นขั้นที่ผู้ป่วยได้รับการดูแลปรับสภาพร่างกายให้เข้มแข็งขึ้น จนแพทย์ลงความเห็นว่าหายจากการเจ็บป่วย
 
3. การส่งกลับผู้ป่วยเจ็บทางการแพทย์ (medical patient evacuation) 
เป็นการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บเป็นวิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากสนามรบ  ตำบลหรือหน่วยแพทย์ที่อยู่ในระดับหน้าสุดของยุทธบริเวณไปยังหน่วยพยาบาลต่างๆ
 
4. การส่งกำลังสายแพทย์ (medical supply)
ในสถานการรบหน่วยแพทย์จะไม่สะสมอุปกรณ์สายแพทย์ไว้จำนวนมากเพราะจะทำให้ขาดความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ดังนั้นการจะต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติมต้องกระทำในระหว่างกระบวนการส่งกลับ
 
5. บริการแพทย์อื่นๆ
เช่น การทันตกรรมและการตรวจทางห้องปฏิบัติการ  เป็นต้น
 
 
 
HOME   |   COMMANDER   |   ORGANIZATION   |   SERVICE   |   ACTIVITIES  |  CONTACT US
Copyright © 2025 www.thaimilitarymedicine.com All Rights Reserved.
ทำเว็บ  ออกแบบเว็บ  Web Design  เว็บสำเร็จรูป  เว็บไซต์สำเร็จรูป