จากการศึกษาเบื้องต้นทำให้มีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า วิตามินอีอาจมีส่วนช่วยในการป้องกัน หรือ ชะลอโรค หัวใจและหลอดเลือด โดยการยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ของ LDL-โคเลสเตอรอล นอกนี้วิตามินอีอาจช่วยป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจขาดเลือด เฉียบพลัน การ ศึกษาแบบสำรวจถึงความสัม พันธ์ของระดับ วิตามินอี ที่บริโภคกับการลดลงของอัตราการเกิดโรคหัวใจในพยาบาลประมาณ 90,000 คนบ่งชี้ว่าอุบัติการณ์ของการเกิดโรค หัวใจลดลง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ในพยาบาลที่ได้รับวิตามินอีจากอาหารและอาหารเสริม
|
ซึ่งจะทำให้เกิดโรคเรื้อรังเช่น มะเร็ง และ วิตามินอียังช่วยยับยั้งการสร้างสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อ มะเร็งที่ถูกสร้างขึ้นในกระเพาะอาหารจาก การบริโภคสารพวกไนเตรต นอกจากนี้วิตามินอีอาจช่วย ป้องกันมะเร็งโดยการส่งเสริมภาวะภูมิต้านทานของ ร่างกายอีกด้วยการศึกษาเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของวิตามินอีกับอุบัติการณ์ของมะเร็งในมนุษย์ยังสรุปไม่ได้ มีบาง หลักฐานแสดงว่าการบริโภควิตามินอีในปริมาณสูงจะช่วยลดอุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมากอย่างไรก็ตาม การทดสอบ ผลของวิตามินอีต่ออุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมในหญิงวัยหมดประจำเดือนในกลุ่ม ตัวอย่างกว่า 18,000 คน ในนิวยอร์กไม่ได้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง การบริโภควิตามินอีกับการลดความเสี่ยงของการ เกิด มะเร็งเต้านมแต่อย่างใดการศึกษาในผู้หญิงในไอโอวาบ่งชี้ว่าการบริโภควิตามินอีมากขึ้น จะช่วยลดความเสี่ยงของ การเกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี |
ส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการพิการและตาบอด ในผู้สูงอายุ ได้มีการศึกษาเกี่ยวกับสาร ต้านอนุมูล อิสระในการชะลอหรือป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก จากการ ศึกษาแบบสำรวจแสดงให้เห็นว่า ความใส ของเลนส์ตาซึ่งใช้ในการวินิจฉัยโรคต้อกระจก ในคนที่ได้รับวิตามินอีอย่างสม่ำเสมอและคนที่มีระดับวิตามินอีในเลือดสูงจะมีความใส มากกว่าคนทั่วไป
|