1.ยูเนสโก้สหประชาชาติจะต้องไม่ละเมิดอธิปไตยของประเทศสมาชิก และต้องปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดถือปฏิบัติกฎหมายระหว่างประเทศ ดังเช่น กติกาสัญญาต้องยึดถือ และต้องส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอีกด้วย โดยไม่ร่วมทำผิดหรือรับรองการกระทำที่ผิดกับประเทศใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งในภาคีและนอกภาคี
2.ปราสาทเขาพระวิหารโดยแท้จริงแล้วมิได้เป็นของกัมพูชาแต่เป็นของไทยมาตลอดจนกระทังบัดนี้ เพราะคำตัดสินของศาลโลกตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาสัญญาที่เป็นโมฆะ คือ ข้อตกลง ไทย- ฝรั่งเศส ค.ศ. 1946 เป็นโมฆะเพราะไม่มีสัตยาบันรับรองจากรัฐสภาไทย ฉะนั้น คำตัดสินของศาลโลก พ.ศ.2505 จึงเป็นโมฆะ ตามไปด้วย อย่างไม่อาจปฏิเสธได้แม้แต่น้อย
3.ด้านการเมือง ฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม และจักรพรรดินิยม ได้รุกรานไทยหลังจากไทยได้ก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่ เสร็จแล้วในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีกฎหมายระหว่างประเทศคุ้มครองแล้วตามหลักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือ ไม่รุกราน ไม่แทรกแซงกิจการภายใน เคารพในบูรณภาพแห่งอาณาเขต เสมอภาคในผลประโยชน์ร่วมกัน ฝรั่งเศสรุกรานบีบบังคับให้ไทยยกดินแดนให้ คือ ลาวฝั่งขวา และ กัมพูชาใน ที่เป็นส่วนหนึ่งของชาติสยามอันเป็นรัฐแห่งชาติสมัยใหม่แล้ว โดย บังคับให้เซ็นสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1904 และ 1907 จึงเป็นสัญญารุกราน และไม่ชอบธรรม เป็นโมฆะ
ต่อมา ฝรั่งเศสกลัวเยอรมันก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังจะเริ่มขึ้นได้ขอทาบทามไทยให้เซ็นสัญญาไม่รุกรานกัน ไทยยินดีรับคำทาบทามโดยขอปรับปรุงแก้ไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ดังกล่าว แต่ฝรั่งเศสไม่ยอมตามคำขอของไทย และได้รุกล้ำอธิปไตยไทยด้วยการทิ้งระเบิดที่นครพนม จึงทำให้ไทยจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อกอบกู้ และรักษาอธิปไตยของชาติ ทำสงครามกับอินโดจีนฝรั่งเศส อยู่ถึง 22 วัน ญี่ปุนจึงได้ขอเข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยโดยทั้งไทยและฝรั่งเศสต่างก็ยินดีให้ญี่ปุ่นเป็นผู้ไกล่เกลี่ย จึงได้มีการเจรจากันขึ้น ณ นครโตเกียว โดยฝรั่งเศสยินยอมยกแผ่นดินที่เคยโกงเอาไป เมื่อครั้งสมัยรัชกาลที่ 5 คืนให้แก่ไทยทั้งหมด (โดยแท้จริงแล้วไทยต่อสู้ยึดได้เอง) อนุสัญญาโตเกียวจึงทำขึ้นอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายระหว่างประเทศ 3 ขั้นตอน คือ เจรจา ลงนาม และให้สัตยาบัน รัฐสภาไทยได้ลงสัตยาบันรับรอง และได้จัดการปกครองมณฑลบูรพาเป็น 4 จังหวัด คือ ฝั่งกัมพูชาประกอบด้วย จังหวัดพระตะบอง และ พิบูลสงคราม ด้านลาว ประกอบด้วยจังหวัดจังหวัดนครจำปาศักดิ์ และลานช้าง มีการเลือกตั้งทั่วไป มีส.ส.ในสภา ปกครองอยู่ 5 ปี ฝรั่งเศสก็ได้มาโกงกลับเอาไปอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หยุดลง โดยบีบบังคับให้ไทยต้องยอมคืนดินแดนมณฑลบูรพาทั้งหมดให้ฝรั่งเศส ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นข้อตกลง ไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1946 โดยไม่ได้รับสัตยาบันจากรัฐสภาไทย ด้วยการรุกราน การข่มขู่ บีบบังคับ จึงเป็นโมฆะ ไม่ชอบธรรม จึงไม่สามารถจะให้สัตยาบันจะไปยกเลิกอนุสัญญโตเกียวได้ เพราะเป็นสัญญากู้ชาติ และชอบธรรมที่มีรัฐสภาให้สัตยาบัน ดังนั้น มณทลบูรพา คือ จังหวัดพระตะบอง พิบูลสงคราม จังหวัดลานช้าง จังหวัดนครจำปาศักดิ์ จึงยังคงเป็นของไทยตลอดมา ตั้งแต่ ค.ศ.1941 จนถึงบัดนี้ และปราสาทพระวิหารจึงยังคงเป็นของไทยจนถึงบัดนี้เช่นกัน
คำตัดสินของศาลโลก เมื่อ พ.ศ. 2505 นั้น เป็นการตัดสินตามข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศสที่อยุติธรรมและเป็นโมฆะ ผิดทั้งด้านภูมิศาสตร์ คือผิดหลักสากล ที่ไม่ใช้หลักสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดนที่ถูกต้องตามธรรมชาติ ตัดสิน กลับใช้แผนที่หยาบ ๆ เขียนด้วยมือ โดยฝรั่งเศสเขียนเอาฝ่ายเดียวมาตัดสินชี้ขาด ผิดทั้งด้านการรักษาอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารเพราะกัมพูชาไม่มีทางขึ้น มีแต่หน้าผาสูงชัน ต้องมาขึ้นฝั่งไทยจึงไม่สามารถรักษาอธิปไตยกัมพูชาไว้ได้ ปราสาทพระวิหารจึงไม่ใช่ของกัมพูชา ไทยสามารถรักษาอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารได้ปราสาทฯจึงเป็นของไทย ไม่สามารถยึดสันปันน้ำได้ทำให้เขตแดนไทย-กัมพูชา ต้องอยู่ข้างล่างหน้าผาลงไปไม่ใช่ข้างบนปราสาท ต้องยึดถือเอาหลักการของยุคประวัติศาสตรสมัยใหม่ไม่ใช่ยุคโบราณ หรือยุคสมัยกลางมาตัดสินปัญหานี้ ดังนั้นปราสาทพระวิหารจึงเป็นของไทยในทุก ๆ ด้าน
4.โดยแท้จริงแล้วเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา คือ ตามอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 ที่มีร่องน้ำลึกและแม่น้ำโขงเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่เส้นแบ่งเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904- ค.ศ. 1907 ที่ถูกยกเลิกไปแล้วโดยอนุสัญญาโตเกียว ข้อที่ 11 ว่า บันดาบทบัญญัติแห่งสนธิสัญญา อนุสัญญา และความตกลงที่มีอยู่ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ซึ่งไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัติแห่งอนุสัญญานี้ เป็นอันยังคงใช้อยู่ต่อไป
ข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1946 ไม่สามารถยกเลิกอนุสัญญาโตเกียวได้ เพราะรัฐสภาไม่ให้สัตยาบัน แม้ ข้อ1ของสัญญาฯจะยกเลิกอนุสัญญาโตเกียวก็ตาม คือ... ข้อ 1 อนุสัญญาโตกิโอ ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสบอกปฏิเสธมาก่อนนั้นเป็นอันยกเลิก และสภาพก่อนอนุสัญญานั้นเป็นอันกลับสถาปนาขึ้น และรัฐบาลพลเรือตรีถ.ธำรงนาวาสวัสดิ์ผู้เซ็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลก็ล้มไปนานแล้ว จึงไม่มีรัฐบาลนั้นมายึดถือปฏิบัติรักษาข้อตกลงของรัฐบาลนั้นอีกต่อไป จึงหมดสภาพไปตามรัฐบาลนั้นตามไปด้วยอย่างเป็นไปเอง ดังนั้น ตัวปราสาท ภูเขา และแผ่นดินจึงเป็นของไทยตลอดมา กัมพูชาจึงนำเอาปราสาทพระวิหารไปขึ้นมรดกโลกไม่ได้ เพราะผิดต่ออนุสัญญาโตเกียวต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายระว่างประเทศคือ กติกาสัญญาต้องยึดถือ อนุสัญญาโตเกียวเป็นกติกาสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสฉบับที่ถูกต้องมีผลบังคับใช้เพียงฉบับเดียวเท่านั้น ส่วนสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1904-1907 ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 และข้อตกลงไทยฝรั่งเศส ค.ศ.1946 เป็นโมฆะ ไม่ได้รับสัตยาบันจากรัฐสภาไทย (เพราะตามหลักเกณฑ์กฎหมายเรื่องแผ่นดินไม่ว่าจะเอาเข้ามา หรือแบ่งแยกออกไปจะต้องผ่านรัฐสภาชี้ขาดเท่านั้น)
5.ดินแดนมณฑลบูรพา เช่น พระตะบอง และพิบูลสงคราม นั้น ฝรั่งเศสได้โกงเอาไปจากไทย หลังจากไทยก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่แล้ว เมื่อ ค.ศ. 1904 -1907 ไทยรบกับฝรั่งเศสเอาคืนมาได้ในสงครามอินโดจีน 22 วัน (De facto) และฝรั่งเศสยอมคืนให้ตามจริงที่ไทยยึดคืนมาได้ ส่วนที่ใดยึดไม่ได้ก็ให้ชดใช้เป็นเงิน (De Jury) โดยทำเป็นอนุสัญญาโตเกียวที่ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุดตามกฎหมายระหว่างประเทศ และชอบธรรมทั้งทางการเมืองกู้ชาติกู้แผ่นดิน
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงฝรั่งเศสมาโกงเอามณฑลบูรพาด้วยการรุกรานข่มขู่บีบบังคับจึงไม่ชอบในทางการเมืองอย่างยิ่ง และบังคับให้เซ็นข้อตกลงไทย- ฝรั่งเศสค.ศ.1946 จึงเป็นข้อตกลงที่รุกรานยึดครอง และไม่มีสัตยาบันรับรองจากรัฐสภาจึงเป็นโมฆะ
ต่อมาฝรั่งเศสถอนตัวจากอินโดจีน (กัมพูชา ลาว เวียดนาม) เมื่อพ.ศ.2497 ฝรั่งเศสกลับไปทำผิดต่อหลักการการโอนอำนาจอธิปไตยคือต้องคืนให้แก่ไทย เช่นเดียวกับอังกฤษคืนมอญให้แก่พม่า ฝรั่งเศสโกงไปจากไทยโดยผิดทั้งทางการเมือง และผิดกฎหมายเป็นโมฆะ กลับทำผิดยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการโอนมณฑลบูรพาของไทยไปให้กับกัมพูชา ซึ่งก็จะมีผลเช่นเดียวกันคือ โมฆะ เพราะเป็นโมฆะตั้งแต่ต้นแล้ว กัมพูชารับโอนมณฑลบูรพาจากฝรั่งเศสเท่ากับ กัมพูชาร่วมทำผิดไปด้วยมีผลเป็นโมฆะเช่นเดิม เพียงแต่เพิ่มความผิดเข้าไปอีก 1 กระทง คือ การโอนอธิปไตย ว่าด้วยปัญหาชาติ และเพิ่มอีกกระทงหนึ่ง คือ การที่ประเทศกัมพูชาปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ฮุนเซ็นจึงเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่จะต้องปฏิบัติหลักการสังคมนิยมไม่รับมรดกการล่าเมืองขึ้นของจักรพรรดิ์นิยมฝรั่งเศสต้องคืนดินแดนนั้น ๆ แก่เจ้าของเดิม อันเป็นการปฏิบัติหลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ(Peaceful Co-Existence) ถ้าไม่คืนจะเป็นเงื่อนไขสงครามเพราะไม่ถูกต้องยุติธรรม ถ้าจะอ้างว่าเป็นการสืบสิทธิก็เป็นการสืบสิทธิการโกง หรือความเป็นโมฆะ หรือสิทธิของนักล่าอาณานิคมจักรพรรดินิยมผู้รุกราน ฉะนั้น การที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชากล่าวหาว่ากลุ่มประชาชนไทยที่เรียกร้องมณฑลบูรพา จะเป็นผู้ก่อสงครามกับอินโดจีนนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะทั้ง 3 ประเทศที่ต้องปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ต้องคืนดินแดนที่นักล่าอาณานิคมหรือจักรพรรดนิยมฝรั่งเศสโกงเอาไปจากไทย คือ มณฑลบูรพา แก่ไทย จึงจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ต่างหาก แต่การไม่คืนมณฑลบูรพาคือเงื่อนไขสงครามอันขัดต่อหลักสากลนิยมชนกรรมาชีพ คือ การอยู่รวมกันอย่างสันติของประเทศที่มีระบบสังคมต่างกัน ที่พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ลาว เวียดนาม จะต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพรรคพี่เวียดนามที่คอยช่วยพรรคน้องกัมพูชา
ดังนั้น หลังจากไทยก่อตั้งรัฐชาติสมัยใหม่เสร็จแล้ว ฝรั่งเศสจึงได้โกงไทยครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1904-1907 ฝรั่งเศสโกงครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ. 1946 ฝรั่งเศสโกงไปครั้งที่ 3 เมือโอนอธิปไตยเหนือมณฑลบูรพาให้กัมพูชา พ.ศ. 2497 กัมพูชาโกงไทยที่ไม่ยอมคืนให้ไทย กลับไปรับช่วงจากฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 4 กัมพูชาโกงครั้งที่ 5 คือโกงตัวเองที่เป็นคอมมิวนิสต์แต่กลับไปรับช่วงมรดกของนักล่าอาณานิคม หรือจักรพรรดินิยมฝรั่งเศสที่คอมมิวนิสต์เป็นศัตรูและประณามว่าชั่วช้าเลวร้ายที่สุด แต่ตัวเองกลับเป็นเสียเอง
กัมพูชากับฝรั่งเศสเมื่อโกงไปแล้วยังไม่พอยังมาโกงเอาปราสาทพระวิหารอีก ด้วยการยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อ พ.ศ. 2502 และโกงเอาไปตามคำตัดสินที่เป็นโมฆะ พ.ศ. 2505 เพราะตัดสินตามข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1946 ที่เป็นโมฆะ ทั้งหมดทั้งปวงนี้แสดงว่ามณฑลบูรพา และปราสาทพระวิหารเป็นของไทยทั้งทางกฎหมายและทางการเมืองตลอดมา
6.องค์การยูเนสโก้ สหประชาชาติ จะไม่รับช่วงการโกงหรือไม่รับรองการโกงของฝรั่งเศสและกัมพูชาปราสาทพระวิหารและมณฑล บูรพา ถ้าไม่รับการจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทั้ง ๆ ที่ ยังเป็นของไทยอยู่ ไม่ได้เป็นของกัมพูชาแต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่ถ้ายูเนสโก้รับจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก จะเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 อันเป็นกติกาสัญญาระหว่างประเทศที่ยูเนสโก้ต้องเคารพอย่างยิ่ง และเป็นการละเมิดต่ออธิปไตยของชาติสมาชิกคือละเมิดต่ออธิปไตยของไทย จึงเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติอย่างร้ายแรง ทำให้ยูเนสโก้ถูกครอบงำเป็นเครื่องมือของพรรคคอมมิวนิสต์ฮุนเซ็นกัมพูชา
ไทยยินดีที่จะนำเอาปราสาทพระวิหาร สระตราว สถูปคู่ และภาพสลักนูนต่ำขึ้นเป็นมรดกโลกนานแล้ว แต่ถูกฝรั่งเศสและกัมพูชาโกงเอาไปจึงยังทำไม่ได้ ถ้ากัมพูชาคืนให้ไทยก็จะผลักดันให้นำไปขึ้นเป็นมรดกโลกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทันที เพราะปวงชนชาวไทยส่งเสริมให้เป็นมรดกโลกอย่างถูกต้องสมบูรณ์เต็มที่ตลอดมาอยู่แล้ว เราคัดค้านแต่ส่วนที่ไม่ถูกต้องเท่านั้น
อนึ่ง ไทยได้สงวนสิทธิในอธิปไตยเหนือดินแดนกัมพูชา และลาว ถ้าอินโดจีนอธิปไตยเปลี่ยนไปจากฝรั่งเศสจะต้องคืนให้แก่ไทย รวมทั้งได้สงวนสิทธิในมณฑลบูรพาที่รัฐบาลเสรีไทย (Free Thai Government) ได้ยอมทำข้อตกลงแต่ไม่ยอมให้สัตยาบันคือทำให้เป็นโมฆะ รวมทั้งสงวนสิทธิในปราสาทพระวิหารต่อศาลโลกนั่นเอง
จึงเรียนมาเพื่อยุติการขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหารที่เสนอโดยรัฐบาลกัมพูชา ที่มิได้เป็นเจ้าของตัวจริงตามข้อตกลงไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ.1946 ที่ไม่ได้รับสัตยาบันเป็นโมฆะ แต่ไทยต่างหากที่เป็นเจ้าของที่แท้จริงตามอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ และสันติภาพโลกถาวรตลอดไป อีกทั้งการกระทำใด ๆ ในกรณีนี้ของรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐสภาที่อำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อยย่อมไม่ถูกต้องเป็นโมฆะเพราะขัดต่อเจตจำนงค์ของปวงชนชาวไทยไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญ ไม่ผ่านการรับรองของรัฐสภาองค์กรแห่งอำนาจนิติบัญญัติที่สำคัญที่สุด จึงผิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างสิ้นเชิง