เพิ่มยอดขายร้านค้าปลีก ด้วยการการทำการตลาด
ศูนย์การค้า หรือร้านค้าปลีกหลายแห่ง นั้นครึ่งหนึ่งของการทำโฆษณาไปนั้นมักไม่ได้ผล การทำการตลาดแบบแมส หรือหว่านไปทั่วกำลังเป็นวิธีการที่ไม่ได้ผลอีกต่อไป เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป และยากที่จะชี้จุดที่แตกต่างไปจากผู้อื่น การโฆษณาเหล่านั้นเป็นการพูดกับลูกค้าก็จริง แต่ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวพันกับลูกค้าโดยตรง
มีความชัดเจนในการสื่อสารแบบใหม่
การสื่อสารแบบใหม่ คือ เน้นย้ำ ดังต่อไปนี้
-การขายสินค้าไปพร้อมกับ ผลประโยชน์ของลูกค้า ที่มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับลูกค้า
-โฟกัสไปที่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่มีอยู่ ที่มีกำลังซื้อสูงก่อน ทำให้เข้ามาซื้อสิ่งที่ตรงความต้องการอีกครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนั้น
ก็ไปสู่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ทำให้เหมาะกับคอนเซ็ปท์ของเขา
-สร้างการรณรงค์การตลาด หลายช่องทางที่ทำให้ลูกค้าได้รับรู้ ด้วยการออกแบบการทำภาพลักษณ์โฆษณาในร้าน
การทำประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมพิเศษ
-ใช้รูปแบบอักษร ไอคอน และสัญลักษณ์ต่างดูเป็นหนึ่งเดียวกัน
-เน้นแสง และสร้างสีสันในร้านเพิ่มความสนุกสนาน ที่เหมาะกับคอนเซ็ปท์และเข้ากับการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้า
ก่อนที่คุณจะทำการตลาดใดๆ คุณควรจะตั้งจุดประสงค์ที่ชัดเจนลงไป ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่คุณควรจะหยิบเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ต้องโฟกัสลงไป คือ
-สร้างชื่อให้กับร้าน
-สร้างความเข้าใจในคอนเซ็ปท์
-สร้างความชื่นชอบและโปรดปรานในคอนเซ็ปท์นั้น
-เปลี่ยนจากความโปรดปรานกลายมาเป็นการแวะมาที่ร้าน
-เปลี่ยนการแวะเยี่ยมมาเป็นควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อของ
-เปลี่ยนจากการซื้อของ มาเป็นการแวะมาอีก และซื้อของเพิ่มขึ้น
-สร้างความภักดีต่อสินค้า และร้านค้า
วางกลยุทธให้ถูกต้อง
การสร้างกลยุทธการตลาดที่ถูกต้องนั้น คุณต้องแน่ใจว่าเป็นเรื่องที่สนับสนุนจุดประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ การวางกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายก็จะปัจจัยดังต่อไปนี้
-นำผลประโยชน์กลับมา
-ทำได้ดีกว่าคู่แข่งขัน
-ทำสิ่งธรรมดาให้ไม่ธรรมดา
ควรใช้จ่ายอย่างไร
ธุรกิจค้าปลีกทุกระดับ ต่างต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย ระดับการใช้จ่ายก็จะขึ้นกลับจำนวนกลุ่มเป้าหมายและตลาดที่ต้องการ ถ้าเป็นการตลาดเฉพาะที่ในห้างสรรพสินค้า ก็อาจจะติดต่อฝ่ายการตลาดของห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่การฝ่ายการตลาดของห้างจะมีโปรแกรมการทำตลาดที่ต่อเนื่องในเรื่องต่างๆ สำหรับห้างสรรพสินค้าเองแล้วก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบต่อผู้เช่าร้าน ด้วยการมีกองทุนใช้จ่ายเพื่อการทำกลยุทธการตลาดที่ตรงกับจุดประสงค์ที่ชัดเจน และสามารถวัดผลได้
อย่างไรก็ตามมีแนวทางในเรื่องของการตั้งงบประมาณสำหรับการใช้จ่ายด้านการทำตลาดสำหรับธุรกิจต่างๆ ดังนี้
ประเภท |
% ของยอดขาย |
ร้านเครื่องประดับ |
2.4 |
ห้างสรรพสินค้า |
3.5 |
ดิสเค้าสโตร์ |
1.2-2.9 |
ร้านอาหาร |
2.3 |
ร้านเฟอร์นิเจอร์ |
5.4 |
เสื้อผ้าสุภาพบุรุษ |
3.1 |
เสื้อผ้าสตรี |
2.6 |
ร้านรองเท้า |
2.4 |
เครื่องมือการทำโปรโมชั่นในร้าน
จงเลือกใช้รายการโปรโมรชั่นข้างล่างนี้ ร่วมในแผนงาน เพื่อให้การสื่อสารทางการตลาดเพิ่มอิทธิพลต่อลูกค้า
-การจัดโชว์สินค้าหน้ากระจกร้าน -จัดประกวด
-สร้างเรื่องราวในการจัดสินค้า -ให้ขั้นผลตอบแทนพนักงาน
-จัดสัมมนา หรือแสดงการสาธิต -โฆษณา ณ จุดขาย
-จัดกิจกรรมพิเศษ -โฆษณาขนาดใหญ่
-การจัดแสดงที่โต้ตอบกับลูกค้าได้ -บัตรราคาพิเศษ
นอกจากนี้แล้วคุณอาจใช้การทำโปรโมชั่นที่ ตอกย้ำให้แน่นขึ้น โดย
-สาธิตสินค้า ด้วยการจัดรายการประมาณ 10 นาที เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวไปสู่ลูกค้า ที่มักจะมีการสั่งซื้อเมื่อสาธิตเสร็จ
-ใช้ภาพสี แสดงถึงประโยชน์ที่แท้จริงที่ลูกค้าจะได้รับในสินค้าและบริการที่นำเสนอ
-ป้ายลดราคา ที่มักใช้ในช่วงที่มีการเคลียร์สินค้าล้างสต็อก
-ในการใส่ถุง หรือบรรจุหีบห่อ เมื่อลูกค้านำสินค้ากลับไปบ้าน คุณสามารถเสนอหรือให้บัตรที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อในครั้งต่อไป หรือใช้บริการในการซื้อครั้งต่อไป
จับมือร่วมกันทำโฆษณา
ถึงแม้ว่าคุณอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดได้ก็ตาม คุณก็ควรที่จะรุกในการสร้างกองทุนเพื่อการทำการตลาดจากซัพพลายเออร์ของคุณ ทำไมรึ ? เพราะซัพพลายเออร์ควรจะใช้งบประมาณการทำการตลาดของเขาให้สอดคล้องกับสั่งซื้อสินค้าของคุณ และถ้าคุณไม่ถามถึง เขาก็จะไม่ให้ส่วนนี้ คุณจงจำไว้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะได้กองทุนมากขึ้นไม่เพียงเฉพาะในเรื่องของการมาใช้ในโฆษณา แต่อาจจะได้ในส่วนของการจัดแสดงสินค้าหน้าร้าน หรือการจัดประกวด การสาธิต การแจกตัวอย่าง การอบรมพนักงาน เป็นต้น การใช้การจับมือร่วมกันทำการตลาดนี้ อาจไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับซัพพลายเออร์แข็งแกร่งขึ้น แต่มันจะเพิ่มจำนวนการสัญจรของลูกค้ามาสู่ร้านคุณ และนำไปสู่การขาย และสร้างผลกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่
สำหรับการได้รับเงินสนับสนุนจากคู่ค้าของคุณ นั่นหมายความว่า พวกเขาก็คาดหวังที่จะได้รับการออร์เดอร์ครั้งใหญ่เช่นกัน ซึ่งคุณก็ต้องมีโอกาสพิเศษที่จะได้รับการขายครั้งใหญ่จากการทำโปรโมชั่นนั้น ที่เป็นโปรแกรมที่ทำให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับรู้จำนวนมาก ดังนั้นช่วงจังหวะที่ดีที่สุดที่จะได้รับการสนับสนุนจากซัพพลายเออร์ หรือโรงงานที่คุณสั่งซื้อสินค้า ก็คือ การเปิดตัวร้านใหม่ การฉลองครบรอบปี การแนะนำสินค้าออกใหม่ หรือการปรับโฉมร้านใหม่ เป็นต้น
|