CEO CLINIC
e-mail:vikrom@vikrom.net
(พบกับรายการ CEO VISION ทาง FM. 96.5 MH.Z ทุกวันพุธ ศุกร์ เวลา 9.00-10.00 น.และรายการ หมุนตามโลกแบบวิกรม ทางโทรทัศน์ช่อง 5 ทุกวันอังคารเวลา 16.35-17.00 น. )
ฉบับนี้ ผมขอนำปัญหาที่ท่านผู้ฟังรายการ CEO CLINIC ทาง FM.96.5 MH.z ทุกวันศุกร์ โทรศัพท์มาถามไถ่ให้ผมช่วยไขข้อข้องใจต่าง ๆ ทั้งนี้เพราะเห็นว่าคงเกิดประโยชน์กับท่านผู้อ่านด้วย เริ่มต้นจากคำถาม จะทำอย่างไรให้คนต่างจังหวัดระดับรากหญ้าอยู่ดีกินดี บอกตามตรงครับเป็นคำถามที่มีต่อท้ายด้วยว่าแล้วผมจะมีวิธีแก้ปัญหาความยากจนอย่างไร เรื่องนี้ก็คงต้องหนีไม่พ้นที่จะตอบว่าการสร้างพลเมืองไทยให้มีคุณภาพอย่างแท้จริงในอนาคตนั้นอยู่ที่ การศึกษา คุณภาพของคนนั้นเริ่มมาจากการที่เราจะต้องดูแล แนะนำ บอกกล่าว โดยเริ่มต้นจากการศึกษาภายในครอบครัวแล้วจะต้องเริ่มต้นมาจากพ่อแม่ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะเด็กเมื่อลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้แล้ว คนที่จะเป็นคนบ่มเพาะความคิดและตอกเสาเข็มแห่งชีวิตให้เด็กคนนั้นก็คือพ่อแม่
ฉะนั้นคุณภาพของพลเมืองไทยในอนาคต จะดีหรือเลว จะขึ้นอยู่กับผู้ปกครองที่จะต้องสั่งสอนและบอกกล่าวลูกหลานให้มีความคิดที่ถูกต้องและเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ ไม่เห็นแก่ตัวและไม่เอาเปรียบคนอื่น พ่อแม่เปรียบเสมือนคนละเลงหมึกลงบนกระดาษขาวที่เปรียบเสมือนสมองของเด็ก ๆ ผมถือได้ว่าเด็กเป็นเหมือนกระดาษขาวที่ว่างเปล่า เขาจะโตมาเป็นคนเช่นใด พ่อแม่เป็นเหมือนคนแรกที่เริ่มระบายสี นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการเป็นอีกหนึ่งเข็มทิศที่จะคอยกำหนดทิศทางความเป็นไปในอนาคตของเด็กไทยและสังคมไทย เพราะด้วยหลักสูตรและโครงสร้างการศึกษาจะเป็นส่วนที่กำหนดให้แต่ละคนกลายมาเป็นพลเมืองประเภทใด หากเราจะเปรียบเทียบคนที่เรียนที่เมืองไทยกับคนที่อังกฤษก็จะพบข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัด ทุกวันนี้กระทรวงศึกษาของเรายังทำหน้าที่ไม่ดีนัก หากจะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของเราหลาย ๆ ประเทศ เช่นสิงคโปร์,มาเลเซีย เป็นต้น
ประการสุดท้ายที่สำคัญมากไม่แพ้กันคือ สื่อ โดยเฉพาะสื่อในเมืองไทยที่ส่วนใหญ่จะนำเสนอแต่เรื่องไร้สาระ มีเพียง 20% เท่านั้นที่เป็นข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ได้จริง ที่เหลือนั้นล้วนแต่เป็นข้อมูลขยะทั้งสิ้น ผมขอยกตัวอย่างไม่นานมานี้เองที่ผมเดินทางไปเวียดนาม ผมประทับใจในความจริงจังของสื่อมวลชนชาวเวียดนามมาก เพราะเขาสัมภาษณ์เพื่อจะหาข้อเท็จจริง ถามถึงเนื้อหาตามหน้าที่ที่สื่อพึงกระทำโดยไม่เอาเรื่องอารมณ์มาปะปนแต่สื่อไทยกลับมีนิสัยตรงกันข้ามชอบตั้งคำถามเพื่อเสี้ยมให้คนทะเลาะกันพอฟังและอ่านแล้วก็รู้สึกหดหู่พาลหมดกำลังใจเอาง่าย ๆ ไปเสียเลย
ส่วนคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาความยากจนนั้นมันเป็นวัฎจักรครับแต่ขอฟันธงสั้น ๆ ว่าจากการที่คนต่างจังหวัดกว่า 90 % นั้นมีรายได้จากการเกษตรและปัญหาพื้นฐานการศึกษาน้อยจึงไม่สามารถประกอบอาชีพอื่นได้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเชิญและให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการเกษตรหรือทำอุตสาหกรรมการเกษตรแปรรูป ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี ) มาลงทุนให้ทั่วทุกจังหวัดเพื่อให้เกิดการสร้างงาน ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ถูกต้องเหมาะสมกับท้องถิ่นนั้น ๆ เพื่อให้เกิดการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทางการเกษตรเพื่อการส่งออก ก็จะทำให้เกษตรกรมีงานทำ มีตลาดที่แน่นอน มีทุนในการทำงาน แต่ก็เป็นที่น่าเศร้าใจนะครับประเทศที่เรากลับไปกีดกันการเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติในภาคเกษตรจึงทำให้เราขาดศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาเท่าที่ควร เมื่อเป็นเช่นนี้เพื่อนบ้านของเราอย่างจีนและเวียดนามก็ยิ้มนอนรอรับนักลงทุนที่หลั่งไหลเข้าไปอย่างล้นหลามก็เท่านั้นเอง ผมว่าคนไทยเราต้องเปิดใจ เปิดความคิด เปิดวิสัยทัศน์กันให้มากขึ้นครับแล้วเราจะได้มองอะไรที่ไกลกว่าปลายจมูกตนเอง ประเทศชาติจะได้เจริญมากกว่านี้ ผมขอฝากทิ้งท้ายไว้ว่า ไม่มีอะไรในโลกที่มนุษย์ทำไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
|