คุณธรมาภรณ์  อเล็กเซนเดอร์เซ่น ผู้จัดการทั่วไป ภัตราคารเทสตี้ไทย กล่าวว่า “เทสตี้ไทยเป็นร้านอาหารแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิส พูดง่ายๆคือ ฟาสต์ฟู้ด แต่เมื่อคนคิดถึงฟาสต์ฟู้ด ก็จะคิดว่าเป็นอาหารจานด่วนแต่มีคุณภาพ สด และ สะอาด และเป็นอาหารต้นตำรับไทยแท้ ไม่ใช่แฟชั่น หรืออาหารไทยจีน,ไทยเวียดนาม,ไทยญี่ปุ่น เราจึงคิดว่า เพราะอาหารไทยกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก และขณะนี้ไม่มีร้านอาหารไทย (แบบจานด่วน) ที่มีแบรนด์ติดตลาดโลก ด้วยเหตุนี้ เราจึงนำคอนเซ็ปต์ไทยฟาสต์ฟู้ด หรือ เคาน์เตอร์เซอร์วิส ขึ้นภายใต้แบรนด์ “เทสตี้ไทย (Testy Thai)” โดยผู้ก่อตั้งบางท่านได้เคยทำร้านอาหารมาก่อน บางท่านเป็นนักบริหารการตลาด และวางระบบและอีกท่านเป็นเจ้าของแฟรนไชส์อยู่แล้ว

     ทุกวันนี้ เทสตี้ไทยสาขาแรกเปิดขึ้นที่ ประเทศสวีเดน เมื่อเดือนกันยายน 2549 ปัจจุบันมีลูกค้าเฉลี่ย 500-600 คนต่อวัน ทำให้มีผู้สนใจจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ติดต่อสอบถามข้อมูลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเทศในแถบยุโรปตอนเหนือฮาวาย รวมถึงอย่างน้อยอีก 5 เขตพื้นที่ ทำให้เห็นโอกาสที่จะขายธุรกิจในระบบแฟรนไชส์

     “อย่างแรกที่เราคำนึงถึงคือ การรักษาคุณภาพให้อยู่ในระดับมาตรฐาน เพราะนั้นจะทำให้เราแน่ใจว่าเราได้เสิร์ฟอาหารไทยแท้ๆ ให้กับลูกค้าของเรา ไม่ว่าลูกค้าของเราจะอยู่ ณ ที่ใดในโลก หรือว่าใครที่เป็นคนปรุงอาหารจานนั้นๆ เราสามารถพูดได้อย่างเต็มภาคภูมิว่า เครื่องปรุง และส่วนประกอบที่สำคัญต่างๆ ในอาหารของเรานั้น ทางเราเป็นผู้จัดเตรียมให้จากประเทศไทยแล้ว จึงขนส่งผ่านตัวแทนผู้นำเข้าอาหารของแต่ละประเทศ เราได้คัดสรร จัดเตรียม และบรรจุด้วยมาตรการที่เข้มงวด และพิถีพิถัน ที่ประเทศไทย แล้วค่อนนำส่งออก เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสดใหม่ สะอาดและปลอดภัย”

     “เรายังพบว่าเราเป็นบริษัทเดียวในธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทนี้ ที่นำเสนอร้านอาหารไทยแท้บนจากด่วน ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่มีแบรนด์จากที่ไหน ที่ทำตามคอนเซ็ปท์เดียวกันกับเรา ก่อนหน้านี้ ปัญหาสำคัญที่ท้าทายเราคือการจัดหาระบบการจัดการที่จะรักษาความเป็นไทย แต่สามารถนำออกไปบริหาร และจัดการโดยบุคลากรที่ไม่ใช่คนไทยอย่างได้ผล และเป็นที่น่าดีใจว่าเราได้พัฒนาระบบนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว”

วิธีขายแฟรนไชส์และการสนับสนุน
     เราจะเน้นขาย Master Franchise ไปทั่วโลก หลังจากลูกค้าซื้อ Master Franchise ไปแล้ว ต้องตั้งร้านเทสตี้ไทยของตัวเอง และเริ่มขยายสาขา โดยการขาย Single Franchise ภายในบริเวณเขตของ Master Franchise
 การลงทุนขึ้นอยู่กับขนาด และพื้นที่ของร้าน การลงทุนครั้งแรกคือการซื้อ Master Franchise หลังจากนั้นก็ต้องมีทุนที่จะเปิดร้าน หลังจากซื้อแฟรนไชส์แล้ว สำหรับในประเทศไทย Master Franchise ในประเทศไทยกำลังจะเปิดภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า และหลังจากนั้นเราจะเริ่มขาย Single Franchise
     การสนับสนุนผู้ซื้อแฟรนไชส์ ที่เราได้ริเริ่มพัฒนาระบบของเราเองตั้งแต่ต้นนั้น ทำให้เราสามารถควบคุม และดูแลการขยายธุรกิจได้อย่างมีระบบ และมีประสิทธิภาพ นั่นคือเรามีระบบ สิ่งที่เราจัดเตรียมให้ตัวแทนแต่ละพื้นที่นั้นประกอบด้วย การออกแบบรายการอาหาร การจัดหาวัตถุดิบ/เครื่องปรุง การฝึกฝนบุคลากรกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การสนับสนุนอย่างต่อเอง ระบบซอฟท์แวร์ดูแลบริหารภายในร้านแบบหลายภาษา ค่ารอยัลตี้ การตรวจสอบคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐานรวมถึงพันธมิตรทางการค้าของทางบริษัท ที่จะให้การสนับสนุนตัวแทนแต่ละภาคพื้นอย่างเต็มที่อีกด้วย การจัดเตรียมระบบทั้งหมดนี้จะเสร็จสิ้นเรียบร้อยก่อนที่จะเปิดทำการสาขาแรกของแต่ละพื้นที่

แนวโน้มอาหารไทย

     ขณะนี้กระแสนิยมบริโภคอาหารเอเซียกำลังมาแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารไทยที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง คำถามคือจะทำอย่างไร ที่จะรักษาคุณภาพ และความประณีตในกรรมวิธีการปรุงอาหารไทยให้มีรสชาติ รสสัมผัส กลิ่นหอม และยังคง “คุณค่า” แบบไทยไว้ได้อย่างครบถ้วน
 กรมส่งเสริมการส่งออก และโครงการครัวไทยสู่ตลาดโลก ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งเป้าหมายที่ว่าภายในปี 2551 นี้ จะมีร้านอาหารไทยเปิดดำเนินการอยู่ทั่วโลกกว่า 20,000 ร้าน และคุณอี๊ดมีความยินดีที่จะได้มีส่วนร่วมสำคัญในแผนพัฒนานี้ด้วย
     “เรายินดี และภูมิใจมากที่จะได้ทำงานร่วมกับโครงการครัวไทยสู่ตลาดโลก เพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ เดียวกันในการทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น เราซาบซึ้งต่อการสนับสนุนเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ และเราจึงหวังว่าจะได้ร่วมมือกันให้ดีขึ้นไปในอนาคต”